ให้สังเกตุแผ่นเซลล์ว่ายังทำงานปกติดีอยู่หรือไม่ เพราะเมื่อกรดกำมะถันในแบตเตอรี่ทำปฏิกิริยากับสารตะกั่วในแผ่นเซลล์ จะทำให้แบตเตอรี่รถยนต์สะสมซัลเฟตบนจานและลดความสามารถของแบตเตอรี่ลง ซัลเฟตจะจางไปก็ต่อเมื่อมีการชาร์จไฟไฟให้แบตเตอรี่รถยนต์แล้วเท่านั้น
เมื่อเวลาผ่านไปบางส่วนของซัลเฟตจะกลายเป็นแผ่นแนบ ซัลเฟตจะเป็นสาเหตุที่ลดความสามารถของแบตเตอรี่ในการผลิตและเก็บไฟฟ้า ดังนั้นจึงไม่ควรใช้งานหนักแบตเตอรี่หนักเกินไป ควรจะต้องได้รับการดูแลอย่าวสม่ำเสมอ
แบตเตอรี่รถยนต์ เฉลี่ยการใช้งานอยู่ที่ 4-5 ปี – และบางครั้งก็สั้นเป็น 2-3 ปีหากอยู่ในสภาพอากาศที่ร้อนมาก แต่แบตเตอรี่อาจจะกลายเป็น “ซัลเฟต” ก่อนกำหนดหากไม่ดูแล จนเป็นเรื้อรัง (ไม่ชาร์จแบตเตอรี่ และเดินทางบ่อย) หรือถ้าระดับน้ำภายในแบตเตอรี่ลดลงต่ำกว่าด้านบนของแผ่นเซลล์อันเป็นผลมาจากสภาพอากาศที่ร้อน จะทำให้แผ่นเซลล์แห้งได้ ซึ่งก็จะทำให้ แบตเตอรี่รถยนต์เสื่อม นั่นเอง